วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

17 เหตุผลที่ควรรู้ว่าทำไมถึงทำธุรกิจไม่รุ่ง

สมัยนี้คนส่วนใหญ่หรือนักศึกษาจบใหม่เริ่มมีความคิดที่ไม่อยากจะทำงานประจำกันหมด อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองกันทุกคน แต่บางคนไม่มีความรู้ไม่มากพอ บางคนไม่มีเงินทุน แต่บางคนก็เริ่มธุรกิจของตัวเองได้ แต่ว่าทำไปทำมากลับล้มเหลว วันนี้เราเลยนำเสนอ 17 เหตุผลที่ควรรู้ว่าทำไมถึงทำธุรกิจไม่รุ่ง

1. ไม่มีที่ปรึกษาที่ดี
การหาที่ปรึกษาที่ดีไม่ใช่การปรึกษาเพื่อนร่วมงานหรือมนุษย์เงินเดือนด้วยกัน เพราะเราก็จะได้แต่ทัศนคติและมุมมองเดิมๆ ส่วนใหญ่ที่คนทำธุรกิจแล้วล้มเหลว เพราะเลือกที่จะปรึกษาคนระดับเดียวกันที่ยังไม่เคยทำธุรกิจ เลยทำให้นอกจากจะขาดแนวทางที่ดี ยังขาดการเข้าใจปัญหาที่ถูกต้องอีกด้วย

2. เลือกคนผิด
หลายคนตัดสินใจทำธุรกิจครั้งแรกด้วยความไม่มั่นใจ เลยดึงเอาคนอื่นมาร่วมกันทำธุรกิจเพื่อเป็นหุ้นส่วน ประเด็นคือการหาหุ้นส่วนไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่ทำให้ล้มเหลวจริงๆ ก็คือการตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้ บางคนหุ้นส่วนทิ้งงาน ทะเลาะกับลูกค้า มีความคิดเห็นขัดแย้งกันเองเป็นต้น เหมือนดั่งคบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล

3. ใช้เงินคนอื่นลงทุน
ตรงนี้ขัดแย้งกับความเชื่ออันเดิมของผมเป็นอย่างมาก หนังสือการเงินส่วนใหญ่สอนให้ใช้เงินคนอื่น แต่นี่คือสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ธุรกิจเราล้มเหลว เพราะการเอาเงินคนอื่นมาลงทุน จะทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าของเงิน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เอามาลงทุนนั้นมีมูลค่าขนาดไหน คล้ายๆกับพ่อแม่ซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone ให้ กับเราเก็บตังค์เพื่อซื้อโทรศัพท์ iPhone เอง ความรัก ความภูมิใจ การถนอมธุรกิจมันแตกต่างกัน

4. อายที่จะเป็นนักขาย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ คนที่เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกหลายคนไม่กล้าที่จะเป็นนักขาย บริษัทใหญ่จะเจริญเติบโตและมีรายได้ ได้อย่างไรถ้าไม่มีระบบการขายที่ดี ธุรกิจเล็กๆ จะรอดได้อย่างไร ถ้าการขายเป็นสิ่งที่ถูกละเลย ดังนั้นทักษะด้านการขายถือว่าสำคัญสุดๆ

5. ซ้ำจนเกร่อ
รู้ไหมครับว่าคนทำธุรกิจส่วนใหญ่แล้วล้มเหลวนั้น ส่วนใหญ่นั้นมาจากธุรกิจอะไร ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ทำแล้วล้มเหลวเป็นจำนานมากนั้นมาจากธุรกิจขายกาแฟนั่นเอง โชคดีในยุคนี้คือกาแฟกลายเป็นของทานเล่นที่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนใช้กินกัน ร้านกาแฟไม่ใช่ไม่ดี แต่ถ้าหาจุดที่ไม่ซ้ำคนอื่นไม่ได้ โอกาสรอดก็ยาก

6. คิดว่าเงินธุรกิจคือเงินตัวเอง
ข้อนี้เป็นเรื่องที่ประหลาดใจมากๆ เพราะคนทำธุรกิจส่วนใหญ่ที่ประสบความล้มเหลวมักจะบอกว่า ทำแล้วไม่มีกำไร พอผมถามถึงเรื่องต้นทุนกับการขายปรากฏว่ามีกำไรแน่ๆ และพอได้พูดคุยสอบถามกันไปสอบถามกันมา กำไรของธุรกิจ ถูกเอามาใช้กับเรื่องส่วนตัวหมด เลยทำให้กำไรเป็นขาดทุนทันที

7. หาลูกน้องดีๆ ไม่ได้

ข้อนี้สำคัญเลยทีเดียว ใครก็ตามที่เปิดร้านแล้วต้องมีคนเฝ้าร้าน ดูแลร้าน น่าประหลาดที่การหาลูกน้องเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ในยุคนี้ หลายๆร้านเจ้าของต้องลงไปทำเอง ซึ่งกำไรที่ได้ไม่คุ้มค่าตัวตัวเองแน่ๆ เลยทำให้ต้องต้องตัดสินใจปิดร้านไปโดยปริยาย บางคนได้ลูกน้อง แต่เอาลูกน้องมาดูปุ๊บยอดตก เพราะได้ลูกน้องค่าแรงถูก แต่บุคลิกหรือการพูดกับลูกค้าไม่ได้เลย บางคนหนักหน่อย โดนขโมย

8. อีโก้แรง
การเป็นมนุษย์เงินเดือนคุณจะง้อหรือไม่ง้อลูกค้าก็ได้ เพราะว่าบริษัทคือส่วนเสียหาย ไม่ใช่พนักงาน แต่การทำธุรกิจนั้นจำเป็นที่ต้องง้อลูกค้าอย่างมหาศาล ตราบใดที่รายได้ยังไม่สะพัด เพราะกำไรของธุรกิจส่วนใหญ่จะเกิดจากการซื้อซ้ำนั่นเอง

9. ขาดความมั่นใจดื้อๆ
เวลาที่ลงทุนทำอะไรแล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิด สิ่งแรกสุดที่เราต้องทำก็คือ หาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าเพราะอะไรทุกอย่างถึงไม่เป็นไปตามความคิด แต่คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลว พอเจออุปสรรคที่นอกเหนือจากที่วางแผนเอาไว้ ก็ท้อใจ และขาดความมั่นใจเอาดื้อๆ ทำให้หลายๆ ครั้งปัญหาเล็กๆ กลายเป็นสวิตช์ปิดตายความสำเร็จไปเลย

10. เจอเรื่องไม่คาดฝัน
ม็อบปิดถนน คู่แข่งมาเปิดแข่ง หุ้นส่วนทะเลาะกันแล้วขอแยกยกเลิกการเป็นหุ้นส่วนกัน ลูกน้องทิ้งร้านไม่ดูแล ลูกค้าไม่พอใจแล้วโวยวาย เป็นต้น สาเหตุเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ล้วนได้ชื่อว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งนั้น ทำให้จำใจต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย

11. ศรัทธา Passive Income มากจนเกินไป
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าของไม่ลงมาทำเอง หนังสือต่างๆ มากมายรวมไปถึงนักพูดส่วนใหญ่เอา Passive Income เอามาใช้อย่างสวยหรู แน่นอน หลักประกันของ Passive Income มีสองอย่าง คือหนึ่งระบบคุณต้องแข็งแรงมาก และสอง ลูกน้องหรือผู้ร่วมธุรกิจของคุณ นั้นจะต้องรักคุณมากๆ จนไม่กล้าทำให้คุณผิดหวัง ส่วนใหญ่ไม่มีทั้งสองทาง เลยติดกับดักของ Passive Income

12. ไม่มีเวลา
มีลูก พ่อแม่ป่วย ย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงาน การไม่มีเวลาดูแลธุรกิจเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะทำธุรกิจเติบโตไปได้ เพราะการที่เราจะประสบความสำเร็จอะไรสักหนึ่งธุรกิจนั้นได้ จะได้ใช้เวลา ศึกษา ใช้เวลาลงมือทำอย่างจริงจัง เพราะหากเราไม่มีเวลาให้กับธุรกิจที่เราจะทำขอแนะนำว่าอยู่เฉยๆจะดีกว่า เพราะคำว่าไม่มีเวลา

13. ดูถูกธุรกิจตัวเอง
ทัศนคติเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายสำหรับธุรกิจเลยทีเดียวก็ว่าได้ หลายๆคนมักจะดูถูกสิ่งที่ตัวเองทำ บางคนเรียนสูง เปิดร้านกาแฟแต่ไม่ยอมลงมาทำเอง ไม่มาดูแลลูกค้า ศึกษาความต้องการของลูกค้า เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่สมศํกดิ์ศรีการเรียนของเขา ความจริงคืออะไรที่หาเงินได้แล้วถูกกฎหมาย ถูกศีลธรรม มันไม่มีคำว่าเสียศักดิ์ศรี

14. ลงทุนไม่รู้จักจบจักสิ้น
การเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบเป็นสิ่งดี แต่หลายๆครั้ง เงินทุนและกำไรทั้งหมดเอาไปลงทุนเพื่อความสมบูรณ์แบบ ทำให้ต้นทุนของธุรกิจสูงจนน่าใจหาย สุดท้ายได้กำไรมาเท่าไหร่ ต้องหมุนเป็นเงินลงทุนหรือไม่ก็ดอกเบี้ยธนาคารทั้งสิ้น

15. คิดว่าการเริ่มต้นคือความสำเร็จ
หากคิดว่าความสำเร็จคือการเริ่มต้น นั่นเป็นความคิดที่น่ากลัวมาก หลายคนมักจะรู้สึกว่าตัวเองนั้น ประสบความสำเร็จแล้วหลังจากตัดสินใจลงมือทำธุรกิจ แต่แท้จริงแล้วคนที่เขาประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงทุกคน จะสอนหรือแนะนำเหมือนกันหมด ว่าการเริ่มต้นยากและเหนื่อยที่สุด ดังนั้นคุณต้องทำใจการเริ่มต้นคือการเริ่มเหนื่อย มันยังไม่ใช่ความสำเร็จ

16. ทุกอย่างเป็นความผิดของคนอื่น
การ เมือง เศรษฐกิจ เพื่อนร่วมงาน หุ้นส่วน พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูงมิตรสหาย และเลวร้ายที่สุด คู่แข่ง และที่เลวร้ายที่สุด โทษ “ลูกค้า” การโทษคนอื่นเป็นการง่ายที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ผิด แต่คนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยล้วนเป็นคนที่โทษตัวเองเป็นอันดับแรกทั้งสิ้น ข้อดีของการโทษตัวเองคือมันจะได้รู้จุดที่ปรับเปลี่ยนตัวเองทัน แล้วเอาไปใช้เพื่อหาเงินหาทองครับ

17. หมดแรงก่อนถึงเป้าหมาย
อันนี้เป็นเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุด ความขี้เกียจ ท้อแท้ หมดแรงเป็นศัตรูตัวร้ายอยู่ทุกวงการอยู่แล้ว หลายๆ คนทำธุรกิจด้วยความอยากทำ พอทำแล้วก็เกิดความขี้เกียจแล้วพาลไม่อยากทำ ถ้าคุณรักในสิ่งที่คุณทำ คุณจะไม่มีวันขี้เกียจ เหตุผลเดียวที่คุณยังคงขี้เกียจ แสดงว่าคุณยังไม่มีเป้าหมายชีวิตที่อยากไปให้ถึงนั่นเอง คนที่มีชีวิตที่ดีคือคนที่สู้แล้วไม่ยอมแพ้ คุณคือนักสู้หรือเปล่า ถ้าใช่ ขอให้จดจำ 17 ข้อนี้ให้ดี แล้วชีวิตคุณจะพบเจอจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเดิม

และนี่ก็คือเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงได้ทำธุรกิจแล้วล้มเหลวกันทั้งนั้น เพราะขาดเป้าหมาย ความอดทน ไม่มีเวลา และที่สำคัญขาดความรู้ ฉะนั้นก่อนจะเริ่มทำธุรกิจขอให้คิดดีๆก่อนว่าเรารักมันจริงๆ มีความรู้มากพอ หากคิดว่าพร้อมแล้วก็ลุยเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น